ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทคือกลุ่ม CP ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 85 ตามด้วยผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนร้อยละ 15

  • บริษัทคาดว่าในอีก 2 - 3 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนการขายนอกร้านคิดเป็นร้อยละ 15 ของยอดขายทั้งหมด
  • โดยปี 2565 ยอดขาย Omnichannel คิดเป็นร้อยละ 11 ของยอดขายทั้งหมด

ในปี 2566 บริษัทฯ มีแผนการลงทุนในกิจกรรมต่างๆ เช่น การแผนการขยายสาขาในประเทศไทยและต่างประเทศ ลงทุนพัฒนาระบบออนไลน์และโครงสร้างพื้นฐาน และลงทุนศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ เป็นต้น โดยมีวงเงินการลงทุนประมาณ 21,500 - 23,500 ล้านบาท

  • อัตราเช่าการพื้นที่เช่าปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปลายปี 2565 ที่ผ่านมา โดยคาดการณ์จะกลับมาเทียบเท่าก่อนการแพร่ระบาดโควิดในปี 2567
  • บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีแผนขยายพื้นที่เช่าในสาขาเดิมโดยรูปแบบการตกแต่งและสินค้าต่าง ๆ จะมีความแตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น นอกจากนั้นก็จะมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจต่าง ๆ ในร้านค้าด้วย โดยเพิ่มสินค้าบริโภคที่สรรหามาจากทั้งในและต่างประเทศให้มีความหลากหลาย สร้างความแตกต่างด้วยสินค้าอาหารแช่แข็ง เพิ่มความสดใส ความทันสมัย และความหลากหลาย ในกลุ่มสินค้าอุปโภค ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า ในส่วนของร้านค้าเช่า ก็จะมีการเพิ่มร้านค้าใหม่ ๆ ที่เป็นที่นิยมมากขึ้น เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้เวลา และจับจ่ายในร้านค้าให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้าให้มีแนวโน้วดีขึ้น โดยคาดว่าในอีก 3 - 5 ปีจะมีพื้นที่เช่าจากการปรับปรุงสาขาเดิมเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากปี 2565

หากไม่มีความจำเป็นอื่นใด คณะกรรมการบริษัทฯ มีนโยบายที่จะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ แก่ผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิที่หักภาษีเงินได้แล้วในแต่ละปี ตามงบการเงินรวมโดยเริ่มจากผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นไป